ลักษณะของพระเยซู
โพสต์ สิงหาคม 30, 2019 โดย Ellen White ใน พระลักษณะ
“Jesus was not satisfied to attract attention to Himself merely as a wonder-worker or as a healer of physical disease. He was seeking to draw men to Him as their Saviour. While the people were eager to believe that He had come as a king to establish an earthly reign, He desired to turn their minds from the earthly to the spiritual. Mere worldly success would interfere with His work.”
E.G.W. (The Ministry of Healing, cp. 2, p. 31)
ในบรรยากาศแห่งความตื่นเต้นที่แผ่ปกคลุมอยู่ทั่วเมืองคาเปอรนาอุมนั้น นับว่าเป็นภัยอันตรายจะทำให้มองไม่เห็นถึงจุดหมายที่แท้จริงในพระราชภารกิจของพระองค์ พระเยซูไม่ทรงพอพระทัยความสนใจที่มุ่งไปที่พระองค์เพียงเพราะทรงทำการอัศจรรย์ได้ หรือเป็นแพทย์ผู้รักษาความเจ็บป่วยทางกายเท่านั้น พระองค์ทรงหาหนทางนำพามนุษย์ให้เข้าถึงพระองค์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของเขา ในขณะที่ประชาชนต่างใจจดใจจ่ออยากเชื่อว่าพระองค์เสด็จมาเป็นกษัตริย์เพื่อปกครองบ้านเมืองในโลกนี้ พระองค์ทรงประสงค์เปลี่ยนความคิดของเขาให้หันจากทางโลกไปที่เรื่องของจิตวิญญาณ เพราะความสำเร็จทางโลกจะเป็นอุปสรรคขัดขวางพระราชกิจของพระองค์
เอเลน จี. ไวท์ (มหัศจรรย์แห่งการรักษา, cp. 2, p. 31)
---
“The Lord has special grace for the mourner, and its power is to melt hearts, to win souls. His love opens a channel into the wounded and bruised soul, and becomes a healing balsam to those who sorrow. 'The Father of mercies, and the God of all comfort ... comforteth us in all our tribulation, that we may be able to comfort them which are in any trouble, by the comfort wherewith we ourselves are comforted of God.' 2 Corinthians 1:3, 4.”
E.G.W. (Thoughts From the Mount of Blessing, cp. 2, p. 13)
“พระเจ้าทรงมีพระคุณที่แสนพิเศษสำหรับผู้ไว้ทุกข์และพลังของมันคือการทำให้ใจละลายเพื่อเอาชนะวิญญาณ ความรักของพระองค์เปิดช่องทางสู่จิตวิญญาณที่บาดเจ็บและช้ำและกลายเป็นยารักษาโรคให้กับผู้ที่เศร้าโศก ‘พระบิดาผู้ทรงความเมตตา พระเจ้าแห่งการปลอบประโลมใจทุกอย่าง พระองค์ผู้ทรงปลอบประโลมใจเราในการทุกข์ยากทั้งสิ้นของเรา เพื่อเราจะสามารถปลอบประโลมใจคนเหล่านั้นที่มีความทุกข์ยากอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ด้วยการปลอบประโลมใจซึ่งตัวเราเองได้รับจากพระเจ้า’ 2 โครินธ์ 1:3,4
เอเลน จี. ไวท์ (ความคิดจากภูเขาแห่งพระพร, cp. 2, p. 13)
---
“The followers of Christ are to be the light of the world; but God does not bid them make an effort to shine. He does not approve of any self-satisfied endeavor to display superior goodness. He desires that their souls shall be imbued with the principles of heaven; then, as they come in contact with the world, they will reveal the light that is in them. Their steadfast fidelity in every act of life will be a means of illumination.”
E.G.W. (The Ministry of Healing, cp. 2, p. 36)
บรรดาสาวกผู้ติดตามพระคริสต์จะต้องเป็นความสว่างให้แก่โลก แต่พระเจ้ามิได้รับสั่งให้พวกเขาต้องใช้ความพยายามในการส่องแสงออกไป พระองค์ไม่ทรงชอบพระทัยกับการที่มนุษย์รู้สึกพึงพอใจความพยายามของตนเองที่ได้แสดงความดีที่ที่มนุษย์คิดว่าเหนือกว่าผู้อื่นออกมา พระองค์ทรงปรารถนาให้จิตวิญญาณของเขาได้ซาบซึ้งในหลักการของสวรรค์ และเมื่อเขาเหล่านั้นได้ติดต่อเกี่ยวข้องกับคนที่อยู่ฝ่ายโลก พวกเขาจะได้ส่องสว่างที่มีภายในตัวให้ผู้อื่นได้เห็น ความแน่วแน่ในการกระทำทุกสิ่งในชีวิตด้วยความซื่อสัตย์จะเป็นวิธีที่เขาจะส่องสว่างออกไป เอเลน.จี.ไวท์ (มหัศจรรย์แห่งการรักษา, cp. 2, p. 36)
---
“As the things of nature show their appreciation of the Master Worker by doing their best to beautify the earth and to represent God’s perfection, so human beings should strive in their sphere to represent God’s perfection, allowing Him to work out through them His purposes of justice, mercy, and goodness.”
E.G.W. (Child Guidance, cp. 7, p. 54)
“ในขณะที่สิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ แสดงความชื่นชมยินดีของเขาต่อนายจ้าง (ซึ่งก็คือพระเยซู) โดยทำอย่างดีที่สุดเพื่อทำให้โลกสวยงามและเป็นตัวแทนของลักษณะความสมบูรณ์แบบของพระเจ้า ดังนั้น มนุษย์ควรพยายามในขอบเขตของพวกเขาเพื่อเป็นตัวแทนของความสมบูรณ์แบบของพระเจ้า ยอมให้พระองค์เข้ามานำทางพวกเขาตามพระประสงค์ของพระองค์ด้วย ความเที่ยงธรรม ความเมตตา และ ความดี”
E.G.W. (คำแนะนำเด็ก cp. 7, p. 54)
---
“Every act of justice, mercy, and benevolence makes melody in heaven. The Father from His throne beholds those who do these acts of mercy, and numbers them with His most precious treasures. 'And they shall be Mine, saith the Lord of hosts, in that day when I make up My jewels.' (Malachi 3:17) Every merciful act to the needy, the suffering, is regarded as though done to Jesus. When you succor the poor, sympathize with the afflicted and oppressed, and befriend the orphan, you bring yourselves into a closer relationship to Jesus.”
E.G.W. (Testimonies for the Church, vol. 2, cp. 2, p. 25)
“ทุก ๆ การกระทำของความยุติธรรม ความเมตตา และ คุณงามความดีทำให้เกิดทำนองเพลงบนสวรรค์ พระบิดาที่ทรงประทับอยู่ที่นั่นทรงเห็นผู้คนที่ได้กระทำเช่นนี้ด้วยความเมตตากรุณา และพวกเขาถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของพระองค์ พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า ‘พวกเขาจะเป็นของเรา ในวันนั้นวันที่เราสร้างเพชรของเราขึ้น’ (มาลาคี 3:17) ทุก ๆการกระทำด้วยความเมตตาต่อคนขัดสนคนยากลำบากนั้นจะได้รับการยกย่องราวกับทำเพื่อพระเยซู เมื่อไรที่ท่านช่วยเหลือคนยากไร้ เห็นอกเห็นใจคนที่เดือดร้อนและถูกกดขี่ข่มเหงและเป็นมิตรกับเด็กกำพร้า ท่านจะนำพาตัวเองมาตีสนิทกับพระเยซูมากขึ้น”
E.G.W. (ประจักษ์พยานสำหรับศาสนจักร เล่ม 2, หน้า 2, หน้า 25)
---
“As those thus united in Christian fellowship offer prayer to God, and pledge themselves to deal justly, to love mercy, and to walk humbly with God, great blessing comes to them. If they have wronged others, they continue the work of repentance, confession, and restitution, fully set to do good to one another. This is the fulfilling of the law of Christ.” EGW (Gospel Workers, section 11, p. 500)
“ ในฐานะที่เป็นผู้สามัคคีธรรมผู้เป็นคริสเตียนคนหนึ่งจึงเสนอการอุทิศตัวอธิษฐานต่อพระเจ้าและปฏิญาณตนว่าจะจัดการทุกเรื่องอย่างยุติธรรม มีความรักความเมตตา และเดินอย่างถ่อมตนตามแบบพระองค์ พระพรอันยิ่งใหญ่จะหลั่งไหลมาสู่พวกเขา หากพวกเขายังทำผิดต่อผู้อื่น พวกเขาก็ต้องเริ่มใหม่อีกครั้งของการกลับใจการสารภาพ และการคืนสู่สภาพเดิมพร้อมด้วยตั้งใจที่จะทำสิ่งที่ดีต่อกันและกัน ด้วยการกระทำเช่นนี้ท่านทั้งหลายก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระคริสต์”
---
“Christ will keep the names of all who count no sacrifice too costly to be offered to Him upon the altar of faith and love… When the selfish and proud are forgotten, they will be remembered; their names will be immortalized. In order to be happy ourselves, we must live to make others happy. It is well for us to yield our possessions, our talents, and our affections in grateful devotion to Christ, and in that way find happiness here and immortal glory hereafter.” E.G.W. (Testimonies for the Church, vol. 3, cp. 26, p. 250)
“พระคริสต์ทรงดูแลชื่อของทุกคนที่มีความเสียสละที่จะถวายแด่พระองค์บนแท่นแห่งความเชื่อและความรัก…คนที่เห็นแก่ตัวและหยิ่งจะถูกลืม แต่ชื่อของพวกเขาที่เสียสละจะถูกจดจำตลอดไป ในการที่จะทำให้ตัวเรามีความสุข เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อทำให้ผู้อื่นมีความสุข เป็นการดีอย่างยิ่งที่เราจะมอบทรัพย์สมบัติ พรสวรรค์ และความรักของเราในการอุทิศตนแด่พระคริสต์ และในทางนั้นจะค้นพบความสุขที่นี่และสง่าราศีนิรันดร์ต่อจากนี้ไป” E.G.W (ประจักษ์พยานสำหรับคริสตจักร เล่ม 3, cp. 26, p. 250)
---
“It is only by an unselfish interest in those in need of help that we can give a practical demonstration of the truths of the gospel… Much more than mere sermonizing is included in preaching the gospel. The ignorant are to be enlightened; the discouraged are to be uplifted; the sick are to be healed. The human voice is to act its part in God’s work. Words of tenderness, sympathy, and love are to witness to the truth.” E.G.W. (Welfare Ministry, cp. 3, p. 32)
“ความสนใจที่ไม่เห็นแก่ตัว สำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้นที่ทำให้ เราสามารถแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติจริงของความจริงต่างๆของพระกิตติคุณได้…ซึ่งมากกว่าเพียงเทศนาที่รวมในการประกาศข่าวดี คนเขลาจะต้องรู้แจ้ง ผู้ที่ท้อใจนั้นจะได้รับการชูใจ คนป่วยต้องหายเป็นปกติ เสียงของมนุษย์คือการมีส่วนร่วมในพันธกิจของพระเจ้า คำพูดของความอ่อนโยนความเห็นอกเห็นใจ และความรัก เป็นพยานแห่งความจริง” E.G.W. (กระทรวงสวัสดิการ, cp. 3, p. 32)