ความคิดบางอย่างจากชาต้า
โพสต์ กันยายน 06, 2019 โดย Chataar ใน ความเชื่อ
1.
The gift brought to Him with thanksgiving and with prayer for His blessing, He will multiply as He multiplied the food given to the sons of the prophets and to the weary multitude.
ของขวัญที่นำมามอบถวายแก่พระองค์ด้วยความซาบซึ้ง และด้วยคำทูลอธิษฐาน เพื่อให้พระองค์ทรงโปรดอวยพระพร, พระองค์จะทรงเพิ่มพูน ดังที่พระองค์ได้ทรงเพิ่มพูนอาหาร ให้แก่เหล่าศิษย์ของผู้พยากรณ์และแก่ฝูงชนที่เหน็ดเหนื่อยนั้น
Prophets and kings, หน้า 243
2.
Jesus plucked the beautiful lily, and placed it in the hands of children and youth; and as they looked into His own youthful face, fresh with the sunlight of His Father's countenance, He gave the lesson, “Consider the lilies of the field, how they grow [in the simplicity of natural beauty]; they toil not, neither do they spin; and yet I say unto you, that even Solomon in all his glory was not arrayed like one of these.” Then followed the sweet assurance and the important lesson, “Wherefore, if God so clothe the grass of the field, which today is, and tomorrow is cast into the oven, shall He not much more clothe you, O ye of little faith?” Thus Christ interpreted the message which He Himself had given to the lilies and the grass of the field. He desires us to read it in every lily and every spire of grass. His words are full of assurance, and tend to confirm trust in God.
พระเยซูทรงเด็ดดอกไม้อันสวยงาม, และใส่ไว้ในมือของเด็กๆ และเยาวชน; และขณะที่พวกเขามองไปยังพระพักตร์อันเยาว์วัยของพระองค์, ที่สดใสด้วยแสงอาทิตย์แห่งพระฉายของพระบิดา, พระองค์ประทานบทเรียนดังนี้ว่า “จงพิจารณาดูว่าดอกไม้ในทุ่งนานั้น, เติบโตขึ้นอย่างไร [ในความงดงามตามธรรมชาติ]; มันไม่ทำงาน, มันไม่ปั่นด้าย; แต่เราบอกพวกท่านว่า, แม้แต่กษัตริย์ ซาโลมอนเมื่อทรงบริบูรณ์ ด้วยศักดิ์ศรีก็ไม่ได้แต่งพระองค์งามเท่าดอกไม้เหล่านี้สักดอกหนึ่ง.” หลังจากนั้นก็ทรงให้ความมั่นใจและบทเรียนที่สำคัญอีกบทหนึ่งว่า, “ถ้าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น, ซึ่งเป็นอยู่วันนี้, และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ , พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ, โอ พวกมีความเชื่อน้อย?” ด้วยวิธีนี้พระคริสต์ทรงอธิบายข้อความที่พระองค์ประทานไว้กับดอกไม้และต้นหญ้าในทุ่งนา. พระองค์ทรงปราถนาให้เราอ่านจากดอกไม้ทุกดอกและใบหญ้าทุกใบ. พระวจนะของพระองค์ซึ่งเต็มไปด้วยถ้อยคำที่ให้ความมั่นใจ, และคำรับรองว่าเราวางใจในพระเจ้าได้
Christ’s Object Lessons, หน้า 19
3.
Christ's purpose in parable teaching was in direct line with the purpose of the Sabbath. God gave to men the memorial of His creative power, that they might discern Him in the works of His hand...The Sabbath bids us behold in His created works the glory of the Creator. And it was because He desired us to do this that Jesus bound up His precious lessons with the beauty of natural things. On the holy rest day, above all other days, we should study the messages that God has written for us in nature. We should study the Saviour's parables where He spoke them, in the fields and groves, under the open sky, among the grass and flowers...As we come close to the heart of nature, Christ makes His presence real to us, and speaks to our hearts of His peace and love.
พระประสงค์ของพระคริสต์ในการสั่งสอนด้วยอุปมานั้นมีความสัมพันธ์โดยตรงกับจุดประสงค์ของวันสะบาโต. พระเจ้าทรงโปรดประทานอนุสรณ์แห่งฤทธิ์อำนาจการเนรมิตสร้างของพระองค์แก่มนุษย์, เพื่อให้มนุษย์ได้มองเห็นถึงพระองค์ในพระราชกิจการทรงสร้างแห่งพระหัตถ์ของพระองค์... วันสะบาโตเชิญชวนให้เรามองเห็นถึงพระสิริของพระผู้สร้างที่ปรากฎ และเนื่องจากพระเยซูทรงปราถนาให้เรากระทำอย่างนั้น พระองค์จึงทรงเอาบทเรียนล้ำค่าของพระองค์มาเชื่อมต่อกับความงามของสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติ เราควรศึกษาพระคำที่พระเจ้าทรงจารึกไว้เพื่อเราในธรรมชาติ. เมื่อวันพักผ่อนอันศักดิ์สิทธิ์, ซึ่งเหนือกว่าทุกวันมาถึง, เราควรศึกษาอุปมาของพระผู้ช่วยให้รอดตามสถานที่ต่างๆที่พระองค์ได้ทรงตรัส, ในทุ่งหญ้าและตามแมกไม้ ท้องฟ้าสดใส, ท่ามกลางต้นหญ้าและหมู่มวลดอกไม้...ในขณะที่เราเข้าใกล้แก่นแท้ของธรรมชาติ, พระคริสต์ทรงสำแดงการทรงสถิตแก่เราอย่างแท้จริง, และทรงตรัสกับจิตใจของเราถึง สันติสุขและความรักของพระองค์
Chirst’s Object Lessons, หน้า 25
4.
พระเจ้าทรงใช้วิธีการมากมายเพื่อนำให้เรามารู้จักพระองค์และนำเราให้เข้ามาสื่อสัมพันธ์กับพระองค์ ธรรมชาติไม่เคยหยุดเตือนความรู้สึกของเรา จิตใจที่เปิดกว้างจะซาบซึ้ง ในความรักและพระสิริของพระเจ้าที่เปิดเผยผ่านพระหัตถกิจของพระองค์ หูที่ตั้งใจฟังจะได้ยินและเข้าใจสิ่งที่พระเจ้าทรงใช้สื่อผ่านสรรพสิ่งในธรรมชาติ ทุ่งนาเขียวชะอุ่ม ต้นไม้สูงตระหง่าน ดอกตูมและดอกบาน ก้อนเมฆที่ลอยผ่านไปมา สายฝนที่ตกลงมา เสียงน้ำไหลของลำธาร รัศมีเจิดจ้าของท้องฟ้า สิ่งเหล่านี้ล้วนพูดกับจิตใจของเราและเชิญชวนให้เรามาทำความรู้จักกับพระผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งเหล่านั้น
Many are the ways in which God is seeking to make Himself known to us and bring us into communion with Him. Nature speaks to our senses without ceasing. The open heart will be impressed with the love and glory of God as revealed through the works of His hands. The listening ear can hear and understand the communications of God through the things of nature. The green fields the lofty trees, the buds and flowers, the passing cloud, the falling rain, the babbling brook, the glories of the heavens speak to our hearts, and invite us to become acquainted with Him who made them all.
Steps to Christ หน้า 85
5.
Every flower is an expression of the love of GOD
ดอกไม้ทุกๆ ดอกต่างสำแดงออกถึงความรักของพระเจ้า
(letter 24,1899)
6.
Love is a plant of heavenly origin, and if we would have it flourish in our hearts, we must cultivate it daily. Mildness, gentleness, long-suffering, not being easily provoked, bearing all things, enduring all things — these are the fruits upon the precious tree of love .
ความรัก คือพืชพรรณที่มีต้นกำเนิดจากสวรรค์, และหากเราปราถนาให้มันงอกงามในจิตใจของเรา, เราต้องปลูกฝังความรักอยู่ทุกวัน. ความอ่อนโยน, ความสุภาพ, ความอดทนนาน, ความไม่โกรธง่าย, การทนต่อทุกอย่าง — เหล่านี้เป็นผลผลิตจากต้นไม้แห่งความรักที่ล้ำค่า.
The Review and Herald June 5,1888
7.
In Christ they will find pasture, obtain strength and hope, and will not be troubled with the restless longings for something to dive the mind and satisfy the heart. They have found the pearl of great price, and the mind is at peaceful rest...
ในพระเยซูคริสต์, พวกเขาจะได้พบทุ่งหญ้าขจี, ทั้งพละกำลังและความหวัง และจะไม่ต้องเศร้าใจกับความต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อไปกระตุ้นจิตใจและเพื่อทำให้หัวใจสมหวัง. พวกเขาจะได้ค้นพบไข่มุกอันล้ำค่า และจิตใจก็จะได้พักอย่างสงบสุข..
Counsels for the Church หน้า 111
8.
Watch, brethren, the first dimming of your light, the first neglect of prayer, the first symptom of spiritual slumber.
พี่น้องทั้งหลายเอ๋ย จงเฝ้าระวังอยู่, แสงสว่างที่ริบหรี่ลงครั้งแรก, คือการละเลย ไม่อธิษฐาน ครั้งแรกนั้น, เป็นอาการอย่างแรกของความท้อถอยทางจิตวิญญาณ
Testimonies for the church 4:124
9.
It is because men sowed seeds of evil, that lawlessness, crime, and violence prevailed in the antediluvian world.
เนื่องจากมนุษยชาติได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความชั่วร้าย, จึงทำให้การไม่รักษากฎหมาย, อาชญากรรม และความรุนแรง เอาชัยชนะเหนือประชากรในสมัยก่อนน้ำท่วมโลก.
Ellen G. White Manuscript 126, 1901