พระเยซูทำไมต้องทน เจ็บปวด..ทุกข์ทรมานเพราะสงสารมนุษย์ถึง6,000ปี

โพสต์ พฤษภาคม 06, 2020 โดย Ellen White ใน ความเชื่อ

พระองค์ทรงทุกข์พระทัยในความทุกข์ใจทั้งสิ้นของพวกเขา (มนุษย์)…พระองค์ทรงยกพวกเขาขึ้นและหอบพวกเขาไปตลอดกาลก่อน”  อิสยาห์ 63: 9 

จากหนังสือ 'Education' 263

มีคนจำนวนมากมักจะมองว่าผลของการเร่ง หรือขัดขวางข่าวประเสริฐนั้นคิดว่าเกี่ยวข้องกับตนเองและต่อโลก มีแค่ไม่กี่คนที่คิดว่ามันเกี่ยวข้องกับพระเจ้า มีเพียงไม่กี่คนที่เล็งเห็นว่า ความทุกข์ยากนั้นทำให้พระผู้สร้าง พระบิดาในสวรรค์ของเราจะต้องทนทุกข์ด้วยเช่นเดียวกัน และบนสวรรค์จะทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บปวดของพระคริสต์ แต่ความทุกข์นั้นไม่ได้เริ่มต้นหรือจบลงด้วยการปรากฎของพระองค์ต่อมนุษยชาติ ไม้กางเขนเป็นเครื่องย้ำเตือนจิตใจต่อความรู้สึกที่ทุกข์ใจของเราต่อความเจ็บปวดที่ว่าตั้งแต่เริ่มแรกบาปได้นำความโศกเศร้าทั้งมวลมาสู่พระทัยของพระเจ้า ทุกครั้งที่มีการกระทำที่โหดร้าย ทุกความล้มเหลวของมนุษยชาติในการบรรลุถึงพระทัยของพระเจ้านั้น นำความเศร้าโศกมาสู่พระองค์ เมื่อครั้งที่อิสราเอลประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่ซึ่งเป็นผลมาจากการแยกตัวของพวกเขาออกจากพระเจ้า - ได้มีการปราบปรามโดยความโหดร้ายและความตายของพวกเขานั้น- กล่าวกันว่า“ฝ่ายพระองค์ทรงเดือดร้อนพระทัยด้วยความทุกข์เข็ญของอิสราเอล” “พระองค์ทรงทุกข์พระทัยในความทุกข์ใจทั้งสิ้นของพวกเขา (มนุษย์)…พระองค์ทรงยกพวกเขาขึ้นและหอบพวกเขาไปตลอดกาลก่อน” ผู้วินิจฉัย 10:16; อิสยาห์ 63: 9

Those who think of the result of hastening or hindering the gospel think of it in relation to themselves and to the world. Few think of its relation to God. Few give thought to the suffering that sin has caused our Creator. All heaven suffered in Christ's agony; but that suffering did not begin or end with His manifestation in humanity. The cross is a revelation to our dull senses of the pain that, from its very inception, sin has brought to the heart of God. Every departure from the right, every deed of cruelty, every failure of humanity to reach His ideal, brings grief to Him. When there came upon Israel the calamities that were the sure result of separation from God,—subjugation by their enemies, cruelty, and death,—it is said that “His soul was grieved for the misery of Israel.” “In all their affliction He was afflicted: ... and He bare them, and carried them all the days of old.” Judges 10:16; Isaiah 63:9. 

วิญญาณของพระองค์ “ ทรงช่วยขอเพื่อเราด้วยความคร่ำครวญซึ่งเหลือที่จะพูดได้”และ“บรรดาสรรพสิ่งที่ทรงสร้างนั้นกำลังค่ำครวญและผจญความทุกข์ลำบากเจ็บปวดด้วยกันมาจนทุกวันนี้” (โรม 8:26, 22) หัวใจของพระบิดานั้นทรงเจ็บปวดทุกข์ใจอย่างไม่สิ้นสุด โลกของเราเป็นบ้านหลังที่กว้างใหญ่ซึ่งเป็นฉากแห่งความทุกข์ยากที่เราไม่กล้าและไม่อยากแม้แต่จะคิด ถ้าเราเข้าใจความทุกข์ได้ทั้งหมด มันจะเป็นภาระมากเกินไป แต่พระเจ้าทรงรู้สึกถึงทุกสิ่ง ทรงมีพระทัยสงสารต่อมนุษยชาติ และเพื่อที่จะทำลายความบาป และผลลัพธ์ของการทำลายบาปนั้น คือ พระองค์ได้มอบให้พระบุตรที่รักเพียงองค์เดียวของพระองค์ทรงลงมาช่วยเรา และพระองค์ทรงวางข่าวประเสริฐไว้ในอำนาจของเรา เพื่อให้เรานั้นร่วมมือกับพระองค์ เพื่อนำฉากแห่งความทุกข์ยากมาสู่จุดจบโดย “ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรนี้จะได้ประกาศไปทั่วโลกให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง” มัทธิว 24:14

His Spirit “maketh intercession for us with groanings which cannot be uttered.” As the “whole creation groaneth and travaileth in pain together” (Romans 8:26, 22), the heart of the infinite Father is pained in sympathy. Our world is a vast lazar house, a scene of misery that we dare not allow even our thoughts to dwell upon. Did we realize it as it is, the burden would be too terrible. Yet God feels it all. In order to destroy sin and its results He gave His best Beloved, and He has put it in our power, through co-operation with Him, to bring this scene of misery to an end. “This gospel of the kingdom shall be preached in all the world for a witness unto all nations; and then shall the end come.” Matthew 24:14.