ทำไมพระเจ้าจึงตรัสสั่งโนอาห์ว่า “เรามอบสัตว์ทั้งปวงไว้ในมือของพวกเจ้า ทุกสิ่งที่มีชีวิตเคลื่อนไหวไปมาจะเป็นอาหารของเจ้า” (ปฐมกาล 9:3)
Original article - (Genesis 9:3) Why Did God Tell Noah He Could Eat “Every Living Creature”? - in English
“ทุกสิ่งที่มีชีวิตเคลื่อนไหวไปมาจะเป็นอาหารของเจ้า เราจะยกของทุกอย่างให้แก่เจ้า ดังที่เรายกพืชเขียวสดให้แก่เจ้าแล้ว” (ปฐมกาล 9:3)
คำภาษาฮีบรู ที่ใช้สำหรับคำว่า "สิ่งมีชีวิต" คือ רֶמֶשׂ (remeś) ซึ่งตามหลักความจริง คำนี้ไม่ได้หมายถึงสิ่งมีชีวิตทั้งปวงโดยทั่วไป แต่หมายถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในกลุ่มสัตว์จำพวกที่ปราศจากมลทิน ไม่ได้หมายถึงพวกสัตว์ป่านักล่าและพวกฝูงสัตว์ที่เป็นสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ คำนี้ไม่เคยใช้ในความหมายของคำว่า "สิ่งมีชีวิตทุกชนิด" แต่จะใช้เฉพาะในหมวดหมู่หรือประเภทเท่านั้น หมวดหมู่ในที่นี้หมายถึงสิ่งมีชีวิตที่เป็นเหยื่อของนักล่าและสัตว์ที่กินสัตว์อื่น ๆ เป็นอาหาร เช่น วัวป่า แอนทิโลป กวาง และละมั่ง ซึ่งสัตว์เหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นมลทินพบได้ในเลวีนิติ 11 และเฉลยธรรมบัญญัติ 14 ข้อพระคัมภีร์หลักของบทความนี้ความจริงแล้วกล่าวแก่เราว่า “สิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่สะอาด เจ้ารับประทานได้ เราจะยกของทุกอย่างให้แก่เจ้า ดังที่เรายกพืชเขียวสดให้แก่เจ้าแล้ว”
ก่อนน้ำท่วม พระผู้ทรงสร้างตรัสแก่โนอาห์ว่า “จงเอาสัตว์ใช้งานที่ไม่เป็นมลทินทุกชนิดไปกับเจ้าด้วยอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย และสัตว์ใช้งานที่เป็นมลทินอย่างละคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย นกในอากาศอย่างละเจ็ดคู่ทั้งตัวผู้และตัวเมีย เพื่อรักษาพันธุ์สัตว์ให้มีชีวิตทั่วพื้นแผ่นดิน” (ปฐมกาล 7:2-3) บนเรือมีสัตว์มลทินเพียงอย่างละคู่แต่มีสัตว์ที่ไม่เป็นมลทินย่างละเจ็ดคู่ นี่คือลักการสอนที่ศาสนาคริสต์ยุคใหม่ไม่ค่อยสังเกต สัตว์ทั้งหมดบนเรือโนอาห์ยังคงมีชีวิต ในปฐมกาล 6:19-20 กล่าวกับเราดังนี้ว่า
“จงนำสัตว์ตัวผู้และตัวเมียทุกชนิดอย่างละคู่จากสัตว์ที่มีชีวิตทั้งปวงเข้าไปไว้ในเรือ เพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่กับเจ้า นกตามชนิดของมัน สัตว์ตามชนิดของมัน สัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดินตามชนิดของมัน ทุกชนิดอย่างละคู่จากสัตว์ทั้งปวงต้องมาหาเจ้า เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้”
ไม่มีสัตว์ชนิดใดที่ถูกกินบนเรือ แล้วพวกเขากินอยู่อย่างไร ในปฐมกาล 6:21 กล่าวว่า พระเจ้าตรัสกับโนอาห์ว่า “เจ้าจงนำอาหารทุกอย่างที่กินได้ไปกับเจ้า และสะสมเพื่อเป็นอาหารของเจ้าและของบรรดาสิ่งมีชีวิต” แล้วอาหารชนิดใดที่พวกเขากิน ให้เราจดจำว่า หลังจากที่พวกเขาออกจากเรือหลังน้ำท่วมนั้น พระผู้ทรงสร้างได้ตรัสว่า “ทุกสิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่สะอาดจะเป็นอาหารของเจ้า เราจะยกทุกอย่างให้แก่เจ้า ดังที่เรายกพืชเขียวสดให้แก่เจ้า” สิ่งนี้ได้สำแดงอย่างชัดเจนว่าพวกเขากินสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสสั่งตั้งแต่แรกเริ่ม คือ อาหารที่มีมาจากพืช (plant-based diet) สามารถดูได้ในหนังสือปฐมกาล 1:29,30
พระเจ้าตรัสว่า “ดูนี่ เราให้ธัญพืชที่มีเมล็ดทุกชนิด ซึ่งมีอยู่ทั่วพื้นแผ่นดิน และต้นไม้ผลทุกชนิดที่มีเมล็ดในผลของมันแก่เจ้า เป็นอาหารของเจ้า ฝ่ายสัตว์ทั้งหมดบนแผ่นดิน นกทั้งปวงบนท้องฟ้าและสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมดบนแผ่นดิน คือ สิ่งมีชีวิตที่มีลมหายใจนั้น เราให้พืชเขียวสดทั้งปวงเป็นอาหาร” ก็เป็นดังนั้น
หลังน้ำท่วม ให้เราดูในปฐมกาล 8:20 ซึ่งกล่าวว่า “โนอาห์สร้างแท่นบูชาแด่พระยาห์เวห์และเลือกเอาสัตว์ใช้งานที่สะอาด และนกที่สะอาดมาเผาบูชาถวายที่แท่นนั้น” ก่อนน้ำท่วมโลก สิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นมลทินถูกใช้เป็น “เครื่องเผาถวายบูชา” แด่พระยาห์เวห์ ถึงแม้พระเจ้าได้ทรงอนุญาตให้ทานสิ่งมีชีวิตที่ปราศจากมลทิน (สิ่งมีชีวิตที่สะอาดเท่านั้น) หลังน้ำท่วมโลก แต่นั่นไม่ได้เป็นอาหารต้นแบบที่สมบูรณ์สำหรับมนุษยชาติที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้แต่เป็นการจัดหาเสบียงอาหารเพียงแค่ชั่วคราวเนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ทำให้พืชผักได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ดี เพราะความปราถนาที่เต็มไปด้วยตัณหาของเนื้อหนังที่ตกสู่บาปของมนุษย์ (ความแข็งกระด้างของจิตใจเรา) มนุษย์ก็เริ่มอยากจะกินเนื้อ พระบิดาทรงรู้ดีว่าสิ่งนี้ต้องเกิดขึ้น และด้วยความรัก พระองค์ได้ทรงมอบหลักการหรือกฎเกณฑ์และคำสั่งสอนให้แก่เราเนื่องจากสิ่งมีชีวิตถูกฆ่าและทำเป็นอาหารรวมถึงหลายสิ่งที่ให้โทษอื่น ๆ ที่เราต้องระวังหากเราปราถนาที่อยากจะกินเนื้อ (เราสามารถดูคำอธิบายต่าง ๆ ได้ในหนังสือดังไปนี้ ปฐมกาล 9:4; เลวีนิติ 3:17; 7:23-24; 17:14 และ เฉลยธรรมบัญญัติ 12:23)
แต่ห้ามกินเนื้อพร้อมกับชีวิตของมัน คือเลือดของมัน ปฐมกาล 9:4
ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดชั่วชาติพันธุ์ของท่านทั้งหลาย และทุกแห่งที่ท่านอาศัยอยู่ว่า ห้ามท่านทั้งหลายรับประทานไขมันหรือเลือด” เลวีนิติ 3:17
“เพราะว่าชีวิตของสัตว์ทุกตัวก็คือเลือดของมันนั่นเอง เพราะฉะนั้นเราจึงได้กล่าวแก่ประชาชนอิสราเอลว่า ห้ามเจ้ารับประทานเลือดของสัตว์ใดๆ เพราะว่าชีวิตของสัตว์ทุกตัวก็คือเลือดของมันนั่นเอง ผู้ใดรับประทานก็ต้องถูกขับออก เลวีนิติ 17:14
“จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ห้ามเจ้าทั้งหลายรับประทานไขมันของโค ของแกะ หรือของแพะ 24 ไขมันของสัตว์ที่ตายเอง และไขมันของสัตว์ที่ถูกสัตว์อื่นกัดตาย จะนำไปใช้อย่างอื่นก็ได้ แต่ห้ามรับประทานเป็นอันขาด เลวีนิติ 7:23-24
แต่ต้องแน่ใจว่าท่านไม่รับประทานเลือดเลย เพราะเลือดเป็นชีวิต ห้ามท่านรับประทานชีวิตพร้อมกับเนื้อ เฉลยธรรมบัญญัติ 12:23
“อาหารที่ได้จัดเตรียมไว้สำหรับมนุษย์ สามารถดูได้ในปฐมกาล 1:29 สมุนไพรและผลไม้ทุกชนิดเป็นอาหารของมนุษย์ รวมถึงข้าวโผดและผลิตผลทั้งหมดของแผ่นดิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทานได้ แต่ (ควรจะ) ไม่ใช่เนื้อ จนกระทั่งหลังจากน้ำท่วมโลก สามารถดูได้ในปฐมกาล 9:3” (เป็นคำอธิบายของมัทธิว เฮนรี่ ที่บรรยายพระคัมภีร์ทั้งเล่ม)
พระเจ้าตรัสว่า “ดูนี่ เราให้ธัญพืชที่มีเมล็ดทุกชนิด ซึ่งมีอยู่ทั่วพื้นแผ่นดิน และต้นไม้ผลทุกชนิดที่มีเมล็ดในผลของมันแก่เจ้า เป็นอาหารของเจ้า ปฐมกาล 1:29
ทุกสิ่งที่มีชีวิตเคลื่อนไหวไปมาจะเป็นอาหารของเจ้า เราจะยกของทุกอย่างให้แก่เจ้า ดังที่เรายกพืชเขียวสดให้แก่เจ้าแล้ว ปฐมกาล 9:3
พระเจ้าอนุญาตให้เรากินเนื้อ แต่มันไม่ใช่น้ำพระทัยในอุดมคติของพระองค์สำหรับเรา พระเจ้าเตือนเราว่าอย่ากินสัตว์ทุกชนิด เพราะสัตว์หลายชนิดมีพิษ หากสัตว์บางชนิดอาจส่งผลเสียต่อเรา สัตว์อื่นๆ อาจทำให้เรามีแนวโน้มที่จะทำบาปมากขึ้น เราควรระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้ อิสยาห์พูดถึงการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูและผลกระทบต่อผู้ที่กินสัตว์ที่ไม่สะอาด:
เพราะดูสิ พระยาห์เวห์จะเสด็จมาด้วยไฟ และรถรบของพระองค์เหมือนลมพายุ เพื่อสำแดงพระพิโรธของพระองค์อย่างเกรี้ยวกราด และสำแดงการกำราบของพระองค์ด้วยไฟ เพราะว่าพระยาห์เวห์จะทรงพิพากษาด้วยไฟ ทั้งด้วยพระแสงของพระองค์เหนือมนุษย์ทั้งหมด และผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงสังหารจะมีมากมาย “พวกชำระตัวเองและล้างตัวเพื่อเข้าไปในสวน แล้วตามผู้หนึ่งที่อยู่ท่ามกลางพวกกินเนื้อหมูและกินสิ่งน่าเกลียดน่าชัง ทั้งกินหนูนั้น จะถึงที่สิ้นสุดด้วยกัน” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ อิสยาห์ 66:15-17