Fatheroflove-thailand

ทำยังไงให้คนพุทธ มาเป็นคริสเตียน?

โพสต์ มีนาคม 29, 2025 โดย Andru ใน ความเชื่อ
16 มีคนดู

สวัสดีครับ ผมอันดรูว์ นี่คงเป็นเรื่องราวของผมที่ผมสัญญาไว้กับทุกคน ว่า ผมทำให้คนพุทธมาเป็นคริสเตียนได้อย่างไร เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ มันเป็นเรื่องราวที่คุณต้องอ่านเรื่องราว คำพยานของฟิกด้วย คุณถึงจะเข้าใจว่า เรื่องราวมันน่าอัศจรรย์ขนาดไหน

ผมเป็นลูกศาสนาจารย์ และได้ยินเรื่องราวพระเจ้าตั้งแต่เด็ก ผมเชื่อตามที่พ่อแม่เชื่อเวลาอยู่บ้าน หรือ อยู่โบสถ์ แต่พอเวลาที่ผมไปโรงเรียน ผมกลับกลายเป็นคนฟรีดอมในศาสนา เพื่อนเป็นพุทธผมก็พยายามทำตามแบบพุทธ พออยู่กลุ่มอิสลาม ผมก็พยายามทำตัวให้เหมือนอิสลาม พระเจ้าหรอ ก็เหมือนนิยาย

ถ้าคุณอ่านในเรื่องแรก ผมชอบเล่นดนตรีมาก และ ผมแข่งกับหลายรายการ และผมรู้สึกโกรธพระเจ้ามาก ที่ทำให้ผมแพ้

ผมขอย้อนเวลาไปที่ก่อนที่ผมจะเล่นดนตรีจริงจัง ตอนนั้นผมกำลังจะเข้า มัธยมศึกษาปีที่ 3 ผมต้องโดนย้ายไปพร้อมพ่อที่เป็นศาสนาจารย์และแม่ เพื่อไป จังหวัดขอนแก่น(ที่นั่นพึ่งเปิดโรงเรียนดนตรีได้ไม่นาน) ผมต้องย้ายโรงเรียน ไปเจอเพื่อนที่ โรงเรียนเป็นโรงเรียนที่เล็ก โรงเรียนนั้นเป็นโรงเรียนแรกของผมเลยหละ ที่นักเรียนไม่ถึง 300 คน (ผมเรียนแต่ โรงเรียนที่ไม่ต่ำกว่า 700 คน มาตลอด) ผมไม่รู้ว่าอะไรคือแผนการของพระเจ้าที่ให้มาเรียนที่เล็กๆ ยิ่งโรงเรียนเล็ก เด็กวัยรุ่นก็ยิ่งตามหาความฝัน

โรงเรียนนี้มันเป็นจุดเริ่มต้นของผม ที่ผมท้าพระเจ้า ผมอธิษฐานว่า ในชีวิตผมได้ยินคนอื่นมาเยอะแล้ว ว่าพระองค์มีจริงอย่างงั้น อย่างงี้ โชว์การอัศจรรย์ให้ผมเห็นที ผมอยากพาเพื่อนที่เป็นพุทธมาเป็นคริสเตียน เอาจริงเอาจังกับพระเจ้า ถ้าพระเจ้าผมได้เล่นดนตรีใน โรงเรียนและพาเพื่อนคนนึงที่นั่นมาเล่นดนตรี ที่โบสถ์ คนนั้นชื่อน็อต น็อตเป็นคนนึงที่ปฏิเสธผมหนักมาก เรื่องพระเจ้า ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นนิสัยคนไทยฝั่งอีสาน เค้ารักความสนุก และ ไม่ชอบพูดหลักการ เค้าฟังแต่ในใจเค้าปฏิเสธ คำถามของน็อต พระเจ้าคือใคร ไม่มีศาสนาไหน ที่มีเหตุผลเท่าพุทธ ตามความรู้ที่เค้าได้รับในโรงเรียน แต่พอพูดถึงวิทยาศาสตร์กับพระเจ้าจริงๆ เค้าจะไม่ค่อยอยากรับฟัง เพราะเค้าไม่เข้าใจ เข้าใจยาก เค้าเป็นคนที่ปฏิเสธผม ผมก็เฉยๆโอเคร ไม่เป็นไร ผมชวนเพื่อนเล่ยดนตรีที่โบสถ์ (การที่จะทำพันธกิจได้ต้องมีทีม) คนที่พึ่งมารวมทีมกับผมคือ ครูโตน คนนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะเค้าเป็นคนที่เคยผ่านอะไรที่แย่ๆมาในวัยรุ่น และเค้าเข้าใจวัยรุ่นแบบเราว่าเราต้องการอะไร และไม่ต้องการอะไร เค้าเป็นคนซัพพอร์ตยอมทุ่มสอนดนตรี แต่คนๆนั้นต้องแสวงหาเอง จนในที่สุดก็เกิดโปรเจ็คเด็กที่เรียนดนตรีฟรี เพื่อรับใช้ในโบสถ์ ก็เกิดขึ้น

เยาวชนในโบสถ์ที่นับเป็นคนไทย มีแค่ 4 คน ผม น้องชาย น็อตและ น้องออม (ที่เป็นเยาวชนโบสถ์อยู่แล้ว)พวกผมเริ่มคนไทยเพียงเท่านี้ จนพอผมขึ้น ม.4 ผมต้องย้ายไปอีกโรงเรียน โรงเรียนนั้นมีนักเรียน 1000+ คน ผมต้องปรับตัวใหม่เพื่อให้ทันกับสังคมที่เจอเพื่อนมากกว่าเดิม พอเจอเพื่อน ผมบอกเพื่อนชัดเจน ผมเป็นคริสเตียนและผมเข้าโบสถ์วันเสาร์ ทุกคนในห้องให้ความสนใจมาก และพวกเค้าก็ มักตั้งคำถามกับผมเยอะว่ามันต่างอะไรกับการเป็นคริสเตียนวันอาทิตย์ (ประเทศไทยนิยมเข้าโบสถ์วันอาทิตย์ ไม่มีใครเคยได้ยินวันเสาร์) และหลายคนพอคุยกับผม ผมพูดเรื่อง ไบเบิ้ล เค้ายิ่งมองผมบ้าศาสนา ผมก็คิดไปกับสถานการณ์แรก ไม่ได้หรอกคงเป็นสิ่งที่ผมฟลุ๊คเพราะเกือบทุกคนปฏิเสธไอเดียผมถ้าพูดถึงความเป็นคริสเตียน หนึ่งในนั้น คือ ฟิก เค้าเป็นคนที่ปฏิเสธผม

ฟิกเป็นคนที่เพื่อนในห้องแบน เพราะเค้าอาจจะนิสัยไม่ดีในหมู่เพื่อน เค้าเป็นคนตรง มีความคิดเป็ฯของตัวเองสูงมาก และผมจำได้เพื่อนทั้งห้องประกาศว่าไม่ชอบเค้า และเค้าเป็นคนที่กลางวันพักเที่ยงจะไม่อยู่ห้อง เพราะเค้ารู้เพื่อนส่วนใหญ่จะไม่ชอบเค้า แต่ผมเป็นคนที่แปลก ผมชอบคุยกับคนที่นิสัยไม่ดี เพราะผมอยากเข้าใจเพื่อนว่าทำไม และผมเกือบจะเป็นคนเดียวในห้องที่คุยกับเค้า และเพื่อนในห้องมักถามผมว่า ผมอยู่กับเค้าได้ยังไง ผมก็รู้สึกว่า เค้าไม่ได้ทำอะไรที่แย่กับผม ผมก็ไม่ควรที่จะไปเกลียดตามเพื่อน ผมพอรับได้ จนวันนึงที่โบสถ์มีกิจกรรมไปอุทยานแห่งชาติหินช้างสี ที่จังหวัดขอนแก่น ครูโตนก็พูดเล่นกับผมว่า ถ้าชวนเพื่อนไปได้ ก็ชวน คนเยอะ จะได้สนุก ผมก็ชวนเค้าบอกเจอกันตอนบ่ายที่โรงเรียนดนตรี เหมือนอะไรดลใจผมไม่รู้ ตอนช่วง 10 โมง เรามีนมัสการเช้า พวกเราเลยไปเที่ยวหินช้างสีช่วงบ่าย (โรงเรียนดนตรีเป็นทั้งโบสถ์ด้วย แต่เป็นเฉพาะวันเสาร์ และ ก่อนหน้าผมก็ชวนเค้ามาเล่นที่โรงเรียนดนตรี เจอมิชชันนารีที่เป็นต่างชาติด้วย) ผมตกใจตรงที่อยู่ๆเค้ามาโบสถ์เช้ากว่าผมอีก ผมไปเกือบใกล้ๆ 10 โมง เพราะเค้าไป 9 โมงครึ่ง ถ้าผมจำไม่ผิด (โบสถ์เริ่ม 10 โมง)  และผมแซวเค้า “วันนี้อะไรโดนใจให้มาโบสถ์เนี่ย?” “ไปตอนเช้าไม่ใช่หรอ?” ผมบอกไม่อ่านดีๆหละ เค้าคงสับสนกับข้อความผม แต่ว่าตอนนั้นคือจุดเริ่มต้นที่เค้าประทับใจ จนเค้าได้มาช่วยโปรเจ็คโบสถ์ เช่น ขายหนังสือพระเจ้า และช่วยคนลำบากกับกิจกรรมที่โบสถ์ และช่วยพาเพื่อนผู้หญิงอีกคนชื่อ สร้อยมุก ให้ได้รู้จักพระเจ้า รวมถึงสร้างกลุ่มเยาวชนเมื่อปีที่แล้วร่วมกับมิชชันนารี พาเยาวชนที่ไม่ใช่คริสเตียนรวมกันและพาเค้ารู้จักความรักพระเจ้าทุกเย็นวันศุกร์ เยาวชนมีถึง 20 กว่าคน ส่วนตอนนี้ฟิกในปี 2025 ปัจจุบันเค้ากำลังเรียนศาสนศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยนานาชาติ เอเชียแปซิฟิก

ผมพูดตรงๆ ผมไม่ได้ทำอะไรที่แตกต่างจากคนทั่วไป แต่แค่มอบความรักของพระเยซูกับคนอื่น ใช้หลักการ Christ method alone คือหาสิ่งที่เค้าขาดจริงๆ เติมเต็มสิ่งนั้นให้เค้าขาดในที่นี้คือ คุณค่าทางจิตใจ ไม่ใช่ทรัพย์สิน

หลายครั้งคริสเตียนเราพยายามยัด สิ่งที่เรามีว่ามันดีให้เค้า โดยที่เราไม่รู้ก่อนว่าจริงๆเค้าต้องการมั้ย วัฒนธรรมของเค้าที่เราต้องเรียนรู้ ความรู้สึกของเค้าเราเข้าใจมั้ย  และ ที่สำคัญอธิษฐานกับพระเจ้าให้เราได้เป็นภาชนะ ของพระองค์

ปัจจุบัน ผมกำลังทำพันธกิจกับตัวแฟนของผม กับรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยที่เป็นพุทธผมพยายามพาเค้ารู้จักพระเจ้า บางคนยอมอธิษฐานแต่เหลือแค่เชื่อจริงๆเท่านั้น ผมฝากทุกคนอธิษฐานเผื่อด้วย ให้พระเจ้าทำงานในจิตใจเค้า ไม่ใช่เราเองที่จะทำงานในจิตใจ เรามีหน้าที่ตักตวง แต่พระเจ้าจะเป็นคนที่จัดการกับสิ่งที่เราขอให้พระองค์ช่วยทำ

ครั้งหน้าผมจะเขียนถึง ministry แปลกๆที่คุณไม่คาดคิด สิ่งที่คุณต้องใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรองว่าอเรามั้ย เช่น Tinder พาคนมาเป็นคริสเตียน