คำพยานแห่งการชอบความรุนแรงในจิตใจของลอร์เรน
Original English Article: https://maranathamedia.com/article/view/lorraine-testimony
สามีคนแรกของฉันเป็นคนชอบดื่มแอลกอฮอล์ แต่ฉันก็ไม่ได้ขุ่นเคืองอะไรจนกระทั่งเมื่อฉันมีลูกกับเขา เขามักจะกลับบ้านตอนดึกๆและทำให้ฉันคิดอยากจะฆ่าเขา ฉันไม่แน่ใจว่าความคิดนี้เกิดจากการที่ฉันรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมที่ฉันถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวกับลูกๆ หรือเป็นเพราะว่าฉันไม่สามารถไปดื่มกับเขาได้กันแน่ หรือบางทีอาจจะเป็นทั้งสองอย่าง
หลังจากนั้นไม่กี่ปีฉันก็หมดความอดทน ในวันหนึ่งเมื่อเขาเมาแอ๋กลับบ้านมาและพูดโหวกเหวกโวยวายขอโทษนู่นนี่ ฉันคิดในใจว่าให้เขาลุกขึ้นยืนและทำตัวให้สมกับเป็นลูกผู้ชายหน่อย ในใจของฉันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ฉันจึงใช้มือทั้งสองยกขึ้นสูงเหนือหัวตั้งใจที่จะทุบลงไปที่คอของเขา ฉันรู้ว่าในตอนนั้นหากฉันใช้กำลังและเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดของฉันล่ะก็ ฉันสามารถทำให้เขาให้ตายได้ แต่ฉันคิดว่าเขาคงจะเห็นความวิกลจริตในสายตาของฉัน เขาจึงหลบฟุบลงกับพื้นไปอย่างทันทีทันใด การใช้กำลังของฉันในครั้งนั้นพลาดไปและมันก็จบลง และเราก็ใช้ชีวิตกันต่อไป
ต่อมา เมื่อฉันได้พบพระเจ้า ฉันได้สำนึกผิดและกลับใจ และฉันรู้ว่าฉันได้รับการอภัยแล้ว แต่ฉันไม่ได้ตระหนักจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่ฉันค้นพบว่าความรุนแรงยังคงฝังอยู่ในจิตใจของฉัน
เมื่อฉันเห็นภาพการตายของคุณจอร์จ ฟลอยด์ (ชายผิวดำที่ถูกตำรวจบีบคอจนตาย) ความโกรธเกรี้ยวในจิตใจก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง และฉันจินตนาการว่าหากฉันอยู่ที่นั่น ฉันคงจะพยายามดึงตำรวจคนนั้นออกจากคอของเหยื่อ แต่ในความเป็นจริงแล้วฉันก็รู้ว่าฉันก็คงจะเป็นเหมือนกับฝูงชนที่ยืนดูโดยไม่ทำอะไรเลย หรือไม่ฉันก็คงจะกลายเป็นเหยื่อซะเอง
มันเป็นเรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกตกใจมากที่ได้รู้ว่าการชอบความรุนแรงยังคงหลงเหลืออยู่ในจิตใจของฉัน และฉันนึกถึงตอนที่พระผู้ช่วยให้รอดของฉัน ผู้ทรงเป็นสหายของฉัน ถูกตรึงบนไม้กางเขน หากฉันอยู่ที่นั่น ฉันจะเลือกที่จะเข้าร่วมกับฝูงชนที่ร้องตะโกนให้ฆ่าพระองค์หรือฉันจะปฏิเสธฝูงชน? แต่ไม่ว่าจะทางไหน ฉันคงจะเห็นชอบกับการตายของพระผู้ช่วยให้รอดของฉัน เมื่อเปโตรอยู่ในสวน อยากจะต่อสู้และใช้ดาบฟันหูข้างหนึ่งของผู้รับใช้ของมหาปุโรหิต และเมื่อพระเยซูทรงตำหนิเขา เขาคงจะรู้สึกอับอายเหมือนที่ฉันรู้สึกอยู่ตอนนี้ และเมื่อเขาปฏิเสธองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขา ผู้ทรงเป็นทั้งสหาย เป็นพระผู้ช่วยให้รอดและเป็นพระผู้ไถ่ของเขา... เปโตรก็หลบหนีไปและร้องไห้ด้วยน้ำตาแห่งความขมขื่น และฉันเองก็คงติดตามเขาไปด้วยน้ำตาแห่งความขมขื่นเช่นกัน เราต่างก็มีสิทธิ์ในการเลือก เราสามารถเลือกที่จะติดตามยูดาสและยอมให้โครโนสนำเราไปสู่ความตายได้ (โดยการยอมจำนนต่อมาร ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาเรา) หรือเลือกที่จะยอมรับพระเมตตาคุณของพระบิดาของเรา
โอ พระบิดา ขอโปรดทรงให้อภัยลูก ขอโปรดทรงนำการชอบความรุนแรงในจิตใจของลูกออกไปด้วยเถิด ฉันขอบอกกับท่านทั้งหลายผู้เป็นพี่น้องชายหญิงของฉัน ขอให้เราได้สำรวจจิตใจของเรา หากจะมีสิ่งใดที่ซ่อนอยู่ที่เราไม่ตระหนักถึงบ้างไหม? อาจเป็นสิ่งที่เราคิดว่าได้ถูกลบออกไปแล้ว? จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด ส่วนฉันขอเลือกที่จะเชื่อในพระคำของพระเจ้า
สุภาษิต 8:13 - ความยำเกรงพระยาห์เวห์คือการเกลียดชังความชั่วร้าย ข้าพเจ้าเกลียดความเย่อหยิ่งและความจองหอง และทางของความชั่วร้ายกับวาจาตลบตะแลง
สดุดี 32: 5 - ข้าพระองค์สารภาพบาปของข้าพระองค์ต่อพระองค์ และข้าพระองค์มิได้ซ่อนบาปผิดของข้าพระองค์ไว้ ข้าพระองค์ทูลว่า "ข้าพระองค์จะสารภาพการละเมิดของข้าพระองค์ต่อพระเจ้า" แล้วพระองค์ทรงยกโทษบาปของข้าพระองค์
กิจการ 3:19 - “เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงหันกลับและตั้งใจใหม่ เพื่อพระเจ้าจะทรงลบล้างความผิดบาปของท่านเสีย”
1 ยอห์น 1: 9 - ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
อิสยาห์ 1:18 - องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “มาเถิด เรามาตกลงกัน แม้บาปของเจ้าจะเป็นสีแดงก่ำ ก็จะขาวสะอาดเหมือนหิมะ แม้บาปเหล่านั้นเป็นสีแดงเข้ม ก็จะขาวเหมือนสำลี
สดุดี 103:12 - ตะวันออกไกลจากตะวันตกเท่าใด พระองค์ทรงปลดการละเมิดของเราจากเราไปไกลเท่านั้น
มีคาห์ 7:19 - “พระองค์ท่านจะทรงหวนกลับมาเมตตาเราอีก และจะทรงเหยียบความผิดทั้งหลายของเราไว้ พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาปทั้งสิ้นของเรา ลงไปในที่ลึกของทะเล”
พระองค์จะทรงหวนกลับมาเมตตาฉันอีก จะทรงเหยียบความผิดทั้งหลายของฉันไว้ พระองค์จะทรงเหวี่ยงบาปทั้งสิ้นของฉันลงไปในที่ลึกของทะเล
ลอร์เรน