Fatheroflove-thailand

คำพยานจากคุณอัลลัน กาโทนี

โพสต์ ตุลาคม 12, 2021 โดย Allan Gathoni ใน คำพยาน
1,111 มีคนดู

Read this article, "Allan Gathoni's Testimony", in English: https://maranathamedia.com/article/view/allan-gathoni-testimony

ขอให้พระเมตตาคุณ และสันติสุข จากพระเจ้าพระบิดา และจากพระยาห์เวห์พระเยซูคริสต์เจ้า ผู้ทรงเป็นพระบุตรของพระบิดา จงหลั่งไหลมายังท่านด้วยความจริงและความรัก และขอให้พระคุณของพระเจ้าจงอยู่กับท่าน

เมื่อผมยังเด็ก คุณยายผู้ล่วงลับของผมให้การดูแลเลี้ยงดูผมและญาติพี่น้องอีก 2 คนที่อายุมากกว่าผม 3 ปี ในชุมชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในประเทศเคนยาตอนตะวันออก พวกเราเคยไปเข้าโบสถ์แต่ความรู้สึกของผม ณ ตอนนั้นคือผมไม่เคยที่อยากจะไปเข้าโบสถ์เลย คุณยายและคุณแม่ของผม ซึ่งเป็นผู้ที่ให้การดูแลเลี้ยงดูผมมาทั้งสองท่านนั้นเป็นคริสเตียน ดังนั้นทุกวันอาทิตย์มันจึงเป็นธรรมเนียมที่เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมความพร้อมในการไปเข้าโบสถ์เพื่อฟังคำ เมื่อมาถึงโบสถ์ ก็ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมชั้นเรียนพระคัมภีร์อีก ชั้นเรียนวันอาทิตย์จะถูกแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มตามระดับอายุและจะมีผู้นำคอยมาสอนพระคัมภีร์ให้ตามแต่ละกลุ่ม มีบางครั้งผมแอบหนีจากกลุ่มชั้นเรียนในขณะที่เรียนเนื่องจากผมยังไม่สามารถเห็นถึงความแตกต่างอะไรในชีวิตเลยแม้ผมจะไปเข้าโบสถ์

เมื่อเวลาผ่านไป มีญาติสนิทคนหนึ่งของผมเสียชีวิต ทำให้ผมรู้สึกกลัวตั้งแต่ที่ได้ยินคำกล่าวที่ว่า ถ้าคุณไม่มีพระคริสต์อยู่ในใจของคุณ คุณจะต้องตกนรกเมื่อคุณตาย และจะต้องถูกเผาไฟโดยซาตานไปตลอด เข้ามาอยู่ในสมองผม เป็นช่วงเวลาที่ผมเผชิญกับความยากลำบากในการทูลขอการช่วยเหลือจากพระเจ้าว่า ผมจะไม่หลงหายไปจากเส้นทางที่ถูกต้องและเดินไปคนเดียวตามทางของตัวเองโดยไม่คำนึงถึงพระเจ้า

บางครั้งมีผู้คนหลายท่านต้องการความช่วยเหลือจากผมเพราะว่าเห็นผมดูเป็นคนเคร่ง แต่เวลาคนถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังคนตาย ผมก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาอะไรได้ ความคิดของผมว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่ในหัวและไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมละอายเพราะผมได้เข้าร่วมชั้นเรียนพระคัมภีร์ในวันอาทิตย์เป็นเวลายาวนานแต่ไม่สามารถค้นหาคำตอบได้ และผมก็ได้บอกเรื่องนี้กับคุณยายผู้ล่วงลับที่เป็นคริสเตียนของผม เธอบอกกับผมว่าให้ผมอธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้าเพื่อขอการช่วยเหลือจากพระองค์ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ผมต้องใช้เวลาพอสมควรตั้งแต่เริ่มแรกที่ผมยังไม่ได้มีความเข้าใจหรือความตระหนักตนเอง

                   

คุณอัลลันแบ่งปันถ้อยคำจากหนังสือเล่มเล็ก เรื่อง แบบแผนของพระเจ้า (ในภาษาสวาฮีลี) ให้กับครอบครัว

 

หลักจากผ่านไปหลายปี ผมก็ได้ย้ายเข้าไปศึกษาเล่าเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยม เป็นโรงเรียนที่อยู่ในเครือข่ายของแอดเวนตีสแม้ว่าสถานที่ตั้งจะอยู่ห่างไกลออกไปจากบ้านเกิดของผมก็ตาม และผมก็ไม่ทราบว่าอะไรได้นำพาผมมาเรียนถึงที่นี่ได้ แรงจูงใจหลักของการเข้าศึกษาต่อโรงเรียนนี้คือเป็นโรงเรียนที่อยู่ในเครือของโบสถ์ที่ผมเข้าร่วม ซึ่งเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยกว่าและผมจะได้ไม่ถูกคุกคาม และนั่นทำให้ผมได้พบเจอกับคริสเตียนผู้ที่มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อพระเจ้าที่ผมได้ใฝ่ฝันถึงว่าผมจะสามารถหาคนที่ช่วยตอบคำถามที่ค้างคาใจของผมได้ ถึงกระนั้น มันก็ค่อนข้างน่าเบื่อเพราะทุกเช้า บ่าย และเย็น ตัวแทนชั้นเรียนจะนำเราเข้าสู่การนมัสการเล็ก ๆ และก่อนจะเข้าสู่การเรียนในแต่ละวิชา คุณครูทุกท่านต้องทำการอธิษฐานให้ก่อนทุกครั้ง ผู้คนเหล่านี้ที่ผมได้พบกล่าวแก่ผมว่า พระคัมภีร์คือพระคำของพระเจ้าที่ประทานแก่เรา ดังนั้นผมก็เริ่มสนใจในการเรียนรู้ถึงเรื่องนี้และหลังจากนั้นผ่านไปสภาพแวดล้อมของผมก็เปลี่ยนแปลง (ท่ามกลางโรงเรียนแอดเวนตีส ผมเริ่มอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์เป็นประจำทุกวัน ซึ่งต่างจากแต่ก่อนที่ผมแค่ได้ยินคำอธิษฐานและการอ่านพระคัมภีร์ในวันอาทิตย์อย่างเดียว)

ผมเริ่มศึกษาพระคัมภีร์เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้พูดถึงและได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีชีวิตอิสระพร้อมกับความสามารถในการรู้เลือกว่าจะปฏิบัติตามแบบแผนของพระเจ้าและมีความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบกับพระองค์หรือไม่ มนุษย์เราเลือกที่จะไม่เชื่อฟังพระองค์ ทำให้เราพลัดพรากจากพระองค์ และทำให้เราสับสน (“แต่บาปชั่วของพวกท่านได้ทำให้เกิดการแยก ระหว่างพวกท่านกับพระเจ้าของท่าน และบาปของพวกท่านได้บดบังพระพักตร์พระองค์เสียจากท่าน และจากการที่พระองค์จะทรงฟัง” - อิสยาห์ 59:2) เราแยกออกจากแหล่งกำเนิดของชีวิตแต่ขอบพระคุณที่พระองค์ยังทรงรักเรา พระองค์ตรัสว่าค่าจ้างของบาปคือความตาย และผมก็ต้องตายหรือบางคนอื่นต้องรับค่าจ้างเช่นกัน พระองค์ทรงรักเราอย่างมากที่พระองค์ทรงส่งพระบุตรที่รักองค์เดียวของพระองค์ ซึ่งคือองค์พระเยซูคริสต์มาเพื่อไถ่บาปของเรา พระองค์ทรงสัญญาว่าเราจะมีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้โดยผ่านทางความเชื่อในพระบุตรคือองค์พระเยซูคริสต์และจะทรงประทานพระพรของพระองค์หลั่งไหลมาสู่เราและพระพรยิ่งหลั่งไหลเหลือล้นมากยิ่งขึ้นในวันสะบาโต

ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่ผมเคยเรียนรู้ในอดีตเมื่อยังเด็กหลายปีที่ผ่านมาอย่างมาก ผมมีหลักความเชื่อในใจของผมเกี่ยวกับสิ่งที่เราเคยเรียนรู้มาแต่ก่อน ผมไม่อยากจะยอมรับความจริงข้อนี้เลยในเรื่องวันสะบาโตและผมได้พยายามสุด ๆ ใช้เวลาหลายเดือนในการยอมรับความจริงข้อนี้ของกฎเกณฑ์แห่งชีวิตใหม่ (คือ จงรักษาวันสะบาโต) คุณครูชั้นเรียนมัธยมปลายของผมชื่อ ครูเอ็มมาห์ อาโคธ เธอสนใจในการแบ่งปันข่าวสารใหม่ ๆ ให้กับคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ อยู่มาวันหนึ่งผมได้ตัดสินใจไปที่ออฟฟิศของเธอเพื่อถามถึงทุกคำถามที่ค้างคาใจผมมานานและเธอก็ได้ตอบทุกคำถามของผม ผมเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าผมควรหยุดที่จะต่อต้านพระเจ้าและเดินตามรอยพระเยซู ณ วันนั้นผมได้สารภาพบาปกับพระเจ้าว่าผมช่างบาปมากจริง ๆ และผมรู้ตัวว่าผมไม่สามารถช่วยตัวเองให้รอดได้ นอกเสียจากองค์พระเยซูผู้เดียว ผมจึงได้ทูลขอต่อพระเยซูให้เข้ามาในชีวิตของผมเพื่อที่ว่าผมจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้เพื่อพระองค์

ผมได้ไปเข้าโบสถ์ประจำในวันเสาร์และในระหว่างช่วงเทศนา ศิษยาภิบาลกล่าวว่า “ถ้าท่านยืนอยู่ ณ ที่นี่และอยากจะเป็นคริสเตียน อีกชั่วครู่หนึ่งพวกเราจะยืนขึ้นเพื่อร้องบทเพลงถวายสรรเสริญพระเจ้า และผมอยากให้ท่านก้าวออกมายังข้างหน้านี้จากที่ของท่าน ให้เดินตามช่องทางเดินและให้ยืนอยู่ตรงข้างหน้าตรงนี้กับผม พวกเราจะอธิษฐานเผื่อท่านและเชื้อเชิญให้พระเยซูเข้ามายังชีวิตของท่าน” ผมจำได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังรายการสัปดาห์อธิษฐานในโรงเรียน และเขาก็กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าหากใครอยากจะรับบัพติศมา ก็สามารถก้าวออกมาข้างหน้าได้ด้วยเช่นกัน มีเด็กชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมกระซิบพูดกับผมว่า “ผมจะไปข้างหน้า” และผมก็ตอบกลับหาเขาเช่นกันว่า “ผมก็ไปด้วยเช่นกัน” และผมก็ได้เดินตามช่องทางเดินเพื่อมุ่งไปยังข้างหน้า อย่างที่ผมรู้ดีที่สุด คือ ผมได้ทูลขอให้พระคริสต์เข้ามาในชีวิตของผม

เวลาต่อมา เมื่อผมออกจากโรงเรียนได้ 3 ปี ผมก็ได้มาถึงจุดที่ผมเริ่มสงสัยในประสบการณ์นั้นที่ผมมี (ผมเชื่อว่าลูก ๆ ของพระเจ้าไม่มีอุปสรรคท้าทาย) เพราะว่าผมไม่ได้ดำเนินชีวิตของผมอย่างจริงจังเพื่อพระเจ้าแม้ว่าผมจะรับบัพติศมาไปแล้วก็ตาม ผมไม่ได้ติดต่อกับครูของผม (ครูเอ็มมาห์ อาโคธ) และจำต้องค้นหาที่ติดต่อของเธอ เมื่อย้อนเวลากลับไป ผมจำได้ว่า เธอเคยให้หลายเว็บไซต์ให้ผมเพื่อดูข้อมูลหรือคำเทศนาสำหรับการเติบโตทางด้านฝ่ายจิตวิญญาณของผม หนึ่งในเว็บไซต์นั้นคือ มารานาธา มีเดีย แต่ผมไม่มีเวลาไปร้านคอมและดูเลย

ผมได้ค้นหาที่ติดต่อของเธอทางอินเตอร์เน็ตและด้วยพระคุณของพระเจ้า มีเพื่อนร่วมห้องชั้นเรียนคนหนึ่งของผมมีที่ติดต่อของเธอ ทำให้ผมทึ่งและจึงกล่าวว่า สรรเสริญพระเจ้า ผมได้ติดต่อกับเธอและได้บอกเธอถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม และทำให้ผมรู้สึกว่าผมอยากจะมอบคำมั่นสัญญาต่อพระเจ้าอีกครั้ง เวลาต่อมาผมได้รู้หรือไม่ว่าพระเจ้ากำลังทรงเติมเต็มแบบแผนของพระองค์ให้กับผมอยู่ (เยเรมีย์ 29:11) และหลังจากได้สัปดาห์หนึ่ง คุณครูของผม เธอก็ได้ส่งหนังสือบางเล่มมาให้ผมอ่านและให้เว็บไซต์อีกเหมือนเคย ซึ่งนั่นก็คือเว็บไซต์ มารานาธา มีเดีย หนังสือเล่มแรกที่ผมได้อ่าน คือ ชื่อหนังสือ สงครามแห่งตัวตน

ข้อมูลที่ผมได้อ่านจากหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมทึ่งและประทับใจมาก ๆ ดูเหมือนว่าเป็นข้อมูลสำหรับผมโดยตรงจริง ๆ มันมาในเวลาอันเหมาะเนื่องจากผมกำลังเผชิญกับการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อที่จะค้นหาน้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตของผม หลังจากที่ผมได้อ่านแล้ว ผมก็ได้ตระหนักถึงตัวเองว่าผมยังไม่ได้มอบชีวิตทั้งหมดที่ผมมีให้กับพระผู้ทรงสร้างของผม ซึ่งเป็นบางส่วนของชีวิตที่ผมได้ยึดถือและสิ่งนี้จึงทำให้ผมเกิดความเครียดและความกังวลในชีวิต ส่งผลให้ความสัมพันธ์ผมกับพระเจ้าลดลง ผมไม่ได้เสาะหาการชี้นำจากพระองค์ ไม่ได้ยอมรับพระองค์เข้ามาในชีวิตทั้งเมื่อก่อนและหลังการตัดสินใจ...ในเวลาอันสั้น ๆ ผมได้พยายามควบคุมชีวิตของผมเอง ผมตระหนักว่าผมได้ยอมจำนนต่อพระเจ้าเพราะเกรงกลัวว่าจะหลงทาง เป็นเพราะข้อสัญญาผูกมัดหรือต้องการบางสิ่งอย่างตอบแทน ผมไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้พบสันติสุข และไม่ได้สัมผัสถึงความปิติยินดีอย่างแท้จริง ผมได้ตัดสินใจเชื้อเชิญพระคริสต์เข้ามาในชีวิตผมอีกครั้งและเพื่อที่จะยอมให้พระองค์เข้ามาควบคุมชีวิตผม และ ณ ตั้งแต่ผมกระทำเช่นนั้น ดวงตาของผมก็สว่างขึ้นและผมก็จดจำการทรงประทับของพระองค์ทุกที่ ทุก ๆ วัน ณ ตั้งแต่ที่พระบิดาของเราในสวรรค์ทรงโยงผมกับผู้คนที่มีความเชื่อเดียวกันนั้น ทำให้ผมคิดเสมอเหมือนพวกเขาว่า เราสามารถอธิษฐานเผื่อกันและกันได้และพวกเขาจะสามารถช่วยให้ผมเติบโตไปกับพระเจ้าได้ด้วยเช่นกัน

ตอนนี้ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งที่ผมมีคือ การที่รู้ว่าพระบิดาของเราทรงห่วงใยเราทุกคน มีเสียงหนึ่งกระซิบแผ่วเบาถามผมว่า “อัลลัน มีสิ่งใดที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าชีวิตทางกายของมนุษย์หรือไม่” ผมได้กลับมาตระหนักถึงคำตอบว่า ใช่ มันมี ชีวิตไม่ใช่เกี่ยวกับการตื่น การกิน การดื่ม การบันเทิง และการนอน ตอนนี้ชีวิตผมได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ผมได้เรียนรู้ที่จะวางใจในพระสัญญาของพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่แน่นอนถ้าคุณยึดมั่นด้วยความศรัทธา ผมได้พัฒนาความคิดมุ่งความสนใจผมในการเรียนรู้มากยิ่งขึ้นเพื่อการเติบโตทางด้านฝ่ายจิตวิญญาณผมและได้ตระหนักว่ามีหลายสิ่งอย่างสำหรับผมเพียงแค่ผมมีความพร้อม

ในระหว่างกระบวนการเรียนรู้ บุตรชายอันเป็นที่รักของพระบิดาในพระเยซูคริสต์ชื่อ คุณดนูทัศน์ บราวน์ เป็นแรงผลักดันอย่างมากต่อชีวิตผมในลักษณะที่คำพูดไม่สามารถบรรยายออกมาได้ พวกเราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ แต่เขามั่นใจในตัวผม และแม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังมั่นใจในตัวผมเหมือนเดิม เขาได้แบ่งปันกับผมว่าตราบใดที่คุณเต็มใจที่จะให้พระเจ้าทรงนำคุณ พระองค์จะทรงดูแลความต้องการอย่างอื่นที่จำเป็นสำหรับคุณ เราได้สิ่งที่เรารอคอยจะดีกว่าสิ่งชั่วคราวที่เรามี ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าชีวิตของผมได้วางแผนไว้แล้วก่อนการดำรงชีวิตอยู่ของผม และมันได้สำแดงออกมาอย่างเต็มที่โดยคำหนุนใจจากบุตรธิดาทั้งหลายผู้เป็นที่รักของพระเจ้า (ครูเอ็มมาห์ อาโคธ ศิษยาภิบาลเอเดรียน อีเบนส์ และคุณดนูทัศน์ บราวน์) และสมาชิกอีกหลายคนที่ผมได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดีจากกลุ่มพระบิดาแห่งความรัก เช่น คุณรูเบน คุณเควิน คุณเบน และคุณมัลคอล์ม ผมไม่ได้วางใจในความพยายามของตัวเองอีกต่อไป แต่ผมเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงรักผมและจะทรงใช้งานผม เพียงแค่ผมวางใจและพึ่งพาในพระบิดาของเรา และผมอยากจะแบ่งปันให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับพระองค์โดยผ่านพันธกิจของคนเร่ขายหนังสือเพราะความยินดีและสันติสุขทั้งหมดที่พระองค์ทรงประทานแก่ผม ผมจะได้ไม่พลาดสิ่งที่ดี ๆ เพียงแค่ทำตามพระประสงค์ของพระบิดา

รูปภาพของผู้หญิงที่ผมได้แบ่งปันหนังสือให้

 

ความสนใจของพระคริสต์ถือว่าเป็นอันดับแรกและสำคัญที่สุดสำหรับทุกจุดของความสนใจ นี่เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมได้เรียนรู้มาและทำให้ผมมีความสนใจที่อยากจะแบ่งปันคุณความดีงามของพระยาห์เวห์ในฐานะที่ผมเป็นคนเร่ขายหนังสือ ข่าวสารหลักประการหนึ่งคือการแบ่งปันพระอุปนิสัยที่ไม่รุนแรงของพระบิดาและพระบุตรของพระองค์ โดยรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งชีวิตของเรา และพระประสงค์ของพระองค์ที่มีต่อเราคือ ชีวิต ไม่ใช่ความตาย ปัจจุบันผมทำงานร่วมกับ มารานาธา มีเดีย ในการเผยแพร่ข่าวสารนี้ในรูปแบบต่าง ๆ ตามบ้าน ตามโลกโซเชียลมีเดีย (ทั้งนำเสนอใน WhatsApp และนำเสนอแบบกลุ่มใน Zoom) และแบบตัวต่อตัวระหว่างการให้บริการเช่นกัน พระคริสต์ทรงมีทรัพย์สมบัติในโลกนี้ที่พระองค์ทรงพึงประสงค์ให้ปลอดภัย ซึ่งได้บันทึกในอาณาจักรอันเป็นนิจของพระองค์ เพื่อพระสิริของพระบิดาและเพื่อพระเกียรติของพระองค์เองที่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะออกไปประกาศในพระนามของพระองค์ เพราะพวกเขาและพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเขาจะสำแดงพระองค์ให้ชาวโลกรู้ ความสนใจของพระองค์คือความสนใจของพวกเขา

ผมพบเจอผู้หญิงในรูปภาพนี้ที่ถนนได้แค่ไม่กี่นาทีและพวกเขาก็ได้ซื้อหนังสือบางเล่มให้กับครอบครัว

โปรดอธิษฐานเผื่อน้องชายในรูปภาพนี้ด้วยให้เขารู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้น

 

ผมได้ค้นพบความปิติยินดีอย่างมหึมาที่ได้รู้จักพระบิดาและพระบุตรที่แท้จริง ความเป็นมิตรกับพวกเขาคือความปลอบใจและความสบายใจของผม ด้วยความสบายใจและความสุขแบบนี้ ทำให้ผมไม่สามารถนิ่งนอนเดียวดายได้โดยไม่เหลียวแลที่จะแบ่งปันข้อมูลให้ใครก็ตามที่ผมพบเจอ ชัยชนะแห่งฝ่ายจิตวิญญาณขณะนี้ผมได้รับเพิ่มขึ้น ยิ่งชีวิตคริสเตียนที่สอดคล้องกันมากขึ้น ผมก็ยิ่งมีความปิติยินดีที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งทุกสิ่งล้วนเป็นผลของการดำเนินตามหนทาง ความจริง และชีวิต ที่แท้จริงตามแบบอย่างของพระเยซู ผมขอเชิญชวนผู้คนจากทุกมิติ เพื่อมาดู เพื่อลิ้มรสและดูว่าพระบุตรที่ทรงถือกำเนิดนั้นทรงเป็นความปีติยินดีอย่างแท้จริงและแอกของพระองค์นั้นง่ายจริง ๆ และภาระของพระองค์ก็แสนเบาเหลือเกินอย่างน่าอัศจรรย์

เราทุกคนเกิดมาในครอบครัวของอาดัม ด้วยความกลัวและความไม่มั่นคงทั้งหมดของเขา แต่พระคริสต์ได้ทรงทำให้เป็นไปได้ที่เราจะสามารถเกิดใหม่ได้ ได้ด้วยการยอมรับว่าเราผิด การปฏิบัติตามพระวจนะของพระเจ้า และการเรียกตำแหน่งของเราในครอบครัวของพระเจ้ากลับคืนมา – ตำแหน่งที่พระองค์ทรงพึงประสงค์ให้เรามีตลอดมา ในครอบครัวนี้ เราสัมผัสได้ถึง *เสรีภาพแห่งการพักผ่อนในอัตลักษณ์ของเรา* ในฐานะบุตรและธิดาทั้งหลายของพระผู้ทรงสร้างจักรวาล – พระบิดาของเรา พระผู้จัดหาของเรา พระผู้พิทักษ์ของเรา และพระผู้ทรงไถ่ของเรา เมื่อเรารับเอาพระวิญญาณของพระเยซูเข้ามาในหัวใจของเรา พระองค์จะทรงประทานชัยชนะและข่าวสารแห่งความหวังของพระองค์แก่เราทั้งหลาย

ผมมักจะอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอทุกครั้งที่ไปแบ่งปันความดีงามของพระบิดาของเราในทุกที่ ซึ่งผมทูลขอต่อพระองค์ว่า "โอ้ ข้าแต่พระบิดาผู้ทรงสถิตบนฟ้าสวรรค์ พระองค์เจ้าข้า ขอทรงโปรดช่วยให้ผมเอื้อมถึงคนในเมืองนี้ ซึ่งผมรู้ว่าพระองค์ทรงรักพวกเขาและทรงพึงปรารถนาชีวิตนิรันดร์ประทานแก่พวกเขา ขอทรงโปรดส่งทูตสวรรค์ของพระองค์เพื่อช่วยผมในการเอื้อมถึงพวกเขา ในพระนามพระเยซู อาเมน" พระบิดาที่สถิตบนสวรรค์ของเราทรงทราบว่าเราอ่อนแอเพียงใด

“เหล่าเทพสวรรค์รับใช้เรามนุษย์ และพวกเขามักจะปลอมตัวเป็นมนุษย์” {5MR 353.2}

ผมได้ค้นพบและเชื่อว่าแรงบันดาลใจนี้เป็นจริง มันสำแดงออกมาอย่างเต็มที่ในชีวิตของผม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเป็นพยานต่อชาวโลกไห้รับรู้ว่าพระบิดาของเรานั้นทรงห่วงใยอย่างแท้จริง ตราบใดที่เรายังพยายามใฝ่แสวงหาความสงบ ความปิติยินดี และความสุขในชีวิตเราด้วยวิธีการต่าง ๆ เหล่านี้ เช่น การงาน อาชีพ คู่สมรส เป็นต้น ด้วยตัวเองลำพัง ที่ซึ่งมันเป็นกับดักทำให้เราไม่ได้พบความสุขที่แท้จริงและเป็นสิ่งที่ผมเคยเผชิญมา จนบัดนี้ผมได้ตระหนักแล้วว่าความสุขจริง ๆ และที่แท้จริงนั้นมาจากพระบิดาของเรา ผู้ที่ทรงเป็นแหล่งของชีวิตของเรา หากเรามีพระองค์ในใจอย่างแท้จริง พระองค์จะทรงเป็นผู้จัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ที่จำเป็นที่มาจากพระองค์แก่เรา อาเมน

                

รูปภาพกลุ่มชั้นเรียนสะบาโตที่ผมได้แบ่งปันเกี่ยวกับ พระอุปนิสัยของพระเจ้า